กรองร้อยถ้อยคำ

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คนไทยผนึกกำลังอย่าตกหลุมพลางขะแมร์

          อันที่จริง ตัวเราก็ไม่ได้ปลื้มผู้บริหารประเทศและพรรคร่วมมากนัก เพราะมีหลายๆ เรื่องที่การบริหารเพื่อพวกพ้องมากกว่าประชาชน  แต่อย่างไรก็ตามในวิถีประชาธิปไตย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรให้เขาได้ทำงานตามหน้าที่จนครบเทอม

          ขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังตกอยู่ในกับดักของนายฮุนเซน เพราะมันกำลังทำสงครามจิตวิทยากับคนไทย มีความตั้งใจอัดเสียงและปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างอิ๊งกับตัวมัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็น Psychological Warfare เชิงรุก เพื่อให้คนไทยเกลียดชังและบั่นทอนความเชื่อถือในตัวผู้นำไทย  นายฮุนเซนตั้งใจปั่นหัวให้คนไทยเกลียดกัน แตกคอกันเอง ประท้วงให้ยุบรัฐบาล และถ้าเกิดรัฐประหารได้ ก็ยิ่งเข้าทางที่มันต้องการ ประเทศไทยก็จะได้ตกอยู่ในภาวะสูญญากาศเดินทางล้าหลังไปอีกหลายก้าว นายฮุนเซนไม่ได้ต้องการแค่ให้คนไทยโกรธอิ๊ง  แต่มันต้องการให้คนไทยทะเลาะกันเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ยิ่งคนไทยทะเลาะเสียงแตกกันเท่าไร  ไอ้ขะแมร์ก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น และคงนั่งขำกลิ้ง ภูมิใจในความหลักแหลมของตัวมันเอง

          คนไทยที่รักทุกคน อย่าให้ไอ้ขะแมร์เฒ่า มายิงเราด้วยคลิปเสียงการสนทนาเพียง 17 นาทีเลย ณ เวลานี้ คนไทยต้องรักกัน ปกป้องกันไว้ก่อน อย่าติดกับดักของไอ้ขะแมร์  และขอขื่นชมในตัวของผู้นำทหาร แม่ทัพภาคที่สองของไทยไม่ได้ติดกับดักนี้ไปด้วย เราคนไทยทุกคน ต้องผนึกกำลัง ร่วมมือกันจัดการกับไอ้ขะแมร์ให้สิ้นฤทธิ์ก่อน ไม่ต้องมีสัมพันธ์กันแล้ว อย่าตกหลุมพลางของมันหันมาทะเลาะกันเอง เมื่อจัดการมันได้แล้ว ก็ค่อยหันกลับมาจัดการให้เกิดสุขอนันต์กาลกับประเทศชาติของเราต่อไป ใครทำอะไรไม่ดีไว้ก็ค่อยมาจัดการแก้ไขกันไป

          อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือตัวคนไทยในชาติทุกๆ คน ถ้าเราไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ฟังจากคำครหาของนักวิเคราะห์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้วิเคราะห์วิพากษ์คนไทยบางส่วนแล้ว ก็นับได้ว่ามีส่วนถูกต้องอยู่ไม่น้อยเลย ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิถีชีวิตของตนเองคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ "ขี้เกียจ" "มักง่าย" และ "รอคอยความหวัง" ด้านสถาบันครอบครัว...ปลูกฝังสั่งสอน ความมักง่าย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เลี้ยงเด็กตามมีตามเกิด บางคน แม้รวย ก็เลี้ยงดูลูกแบบตามใจ จนมากเกินไป เลี้ยงผิดๆ ถูกๆ บางบ้าน พูดจาหยาบคาย มึงกูกับลูกตั้งแต่เด็กๆ    ด้านความยากจน...หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา บ้าเรื่องดวง งานไกลขี้เกียจไป อ้างว่าไม่มีรถขับ  งานใกล้ เงินน้อยขี้เกียจทำ   ด้านการศึกษา...เด็กบางคนถึงไม่สนใจการเรียน ไม่ชอบมีการบ้าน ไม่ชอบการสอบเก็บคะแนน เพราะมีพ่อแม่ไร้คุณภาพ เด็กหลายคนจึงไร้การศึกษาที่ดีและสูง มีเด็กวัยรุ่นเกเรมากมาย   ด้านสิ่งแวดล้อม...เลิกเผาป่า เลิกเผาขยะ แต่จิตสำนึกคนก็ยังน้อย ยังทำกันอยู่เรื่อยๆ จนเป็นนิสัย ฝุ่น PM2.5 จึงเป็นปัญหาทุกๆ ปี   ด้านความโกง-คอรัปชั่น​...ไม่ว่าจะคนรวย คนจน คนในระดับไหนไม่แตกต่างกัน ​ เป็นเรื่องนิสัย​ หรือสันดาน พอมีโอกาส​  ก็โกงกันทั้งนั้น จิตสำนึกความซื่อสัตย์ไม่มี ถึงแม้บางข้อจะไม่ตรง แต่ข้อส่วนใหญ่คือใช่  ไทยแท้ๆ เป็นแบบนี้ซะแล้ว ยอมรับความจริงไม่หลอกลวงตัวเอง...ช่วยกันปรับเปลี่ยนคุณภาพและวิถีชีวิตกันได้แล้ว คนในชาติไทย

          ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทย  และพระสยามเทวาธิราชผู้คุ้มครองชาติไทย จงได้อำนวยพร และปกปักรักษาให้ประเทศชาติไทยของเราจงปลอดภัยจากสิ่งร้ายๆ ทั้งปวง แล้วพลิกฟื้นกลับขึ้นมาด้วยเถิด

                                                  21 มิถุนายน 2568

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2568

Misone'

 การจากไปชั่วนิรันดร์นั้นคู่โลก

พบทั้งโศกอีกทั้งสุขอยู่ทุกหน

เกิดและดับสลับอยู่ทุกตัวตน

คือสากลแห่งโลกาคู่ชีวี

โชคดีจังได้เจอกันในภพชาติ

ดุจทายาทผูกพันตามวิถี

มิโสะน้อยผู้น่ารักชื่นฤดี

เติมให้มีชีวิตเต็มในทุกวัน

ขอบคุณนะเพื่อนรักตัวน้อยน้อย

วิ่งเล่นกินนั่งคอยเป็นเพื่อนฉัน

กลับคืนไปดาวแมวแล้วนิจนิรันดร์

สุขอนันต์ที่โลกใหม่นะน้องแมว


แด่ น้องมิโสะ แมวน้อยสีขาวขนฟูผู้น่ารัก

รักที่สุด ขอบคุณที่เกิดมาได้ผูกพันกัน

พุธที่ 12 มีนาคม 2568


10 ขวบ ที่เราได้รู้จักและรักกัน
ไปวิ่งเล่นที่สะพานสายรุ้ง รอวันที่จะได้พบกันอีกนะคะน้องมิ

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2567

รับมือกับคนคิดลบ

 วิธีรับมือกับคนเจ้าอารมณ์ ไร้เหตุผล อย่างมีประสิทธิภาพ แบบคนมีความรู้เขาทำกัน!?

1. นิ่งไว้ก่อน

    กฎข้อแรกของการรับมือคนไม่มีเหตุผลก็คือ เราต้องรักษาความสงบของจิตใจไว้ให้ได้ ยิ่งเรานิ่งเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น เวลาที่คุณรู้สึกขุ่นเคืองใครบางคนที่ทำตัวน่าหงุดหงิด ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปที่อาจจะทำให้ตัวเองต้องมานึกเสียใจในภายหลัง ให้ลองหายใจเข้าลึกๆและนับ 1-10 ช้าๆ อาจจะเป็นวิธีง่ายๆ แต่เชื่อมั้ยว่าก่อนที่จะนับถึง 10 คุณอาจจะนึกวิธีอะไรดีๆออกมาได้ แต่ถ้าคุณยังคงหงุดหงิดหลังจากนับถึง 10 ก็ต้องลองให้เวลากับตัวเองอีกหน่อย แล้วค่อยๆคิดอย่างมีเหตุผล

2. มองอีกมุม

    แม้ว่าอาจจะมีใครบางคนที่ทำพฤติกรรมแย่ๆกับเรา เช่น พูดจาไม่น่ารักหรือเหวี่ยงวีน ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดพอสมควร แต่ให้คุณลองคิดและมองดูอีกมุมก่อนว่า มันมีสาเหตุอื่นที่มาจากตัวเขาเองหรือไม่ เพราะมีคนหลายคนที่มักควบคุมอารมณ์ไม่ได้ด้วยสาเหตุจากเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับคนที่เขาสื่อสารด้วยเลย  ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายโดยตรงที่จะทำตัวไร้เหตุผลใส่คุณ เมื่อรู้อย่างนี้ คุณก็น่าจะเห็นใจและสามารถให้อภัยเขาได้ ที่สำคัญที่สุด ตัวคุณเองก็สบายใจ

3. หายตัวแว้บ

    คุณไม่จำเป็นที่จะต้องต่อกรกับคนที่ไม่น่ารักทุกคนเสมอไป มีคน 3 แบบ ที่เราไม่ควรจะนำมาเป็นปัญหาเลย

แบบที่ 1 : คนที่ผ่านมาเพียงชั่วคราว

แบบที่ 2 : คนที่มีความคิดเชิงลบอย่างเหนียวแน่น เป็นการเสียเวลาเปล่าไปกับการอธิบายหรือโน้มน้าวใจคนที่มีความคิดทางลบและวนเวียนอยู่แต่ในโลกของเขาเองตลอดเวลา ควรอยู่ห่างๆ จนกว่าเขาจะพร้อมที่จะรับฟังหรือเข้าใจ ซึ่งคงไม่ใช่ในเวลาสั้นๆ

แบบที่ 3 : คนที่เราไม่คิดว่าจำเป็นต้องมีเขาในชีวิต

4. โอนความรับผิดชอบ

    โดยทั่วไปแล้ว คนเจ้าอารมณ์ มักก้าวร้าว และ มักทำให้คุณรู้สึกเดือดร้อน ไม่สบายใจ พวกเขามองเห็นข้อเสียของคนอื่นได้ง่าย และมักโฟกัสไปที่ ปัญหามันแย่ยังไง แทนที่จะคิดทางแก้ปัญหา ถ้าคุณตอบโต้โดยการตั้งรับ ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาเยิ่นเย้อ ดังนั้น แทนที่จะโต้เถียง หรือปล่อยให้เขาถาม ให้โอนอำนาจการตัดสินใจไปที่เขา โดยการพูดในทำนองว่าให้เกียรติเขาตัดสินใจ หรือถามว่า เราควรทำยังไงกันดี พอมีแนวทางไหม 

Thinkstock_120813_AngryManPhone

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2564

รักแรกบทเรียนที่สอนให้ชีวิตสมบูรณ์

                             “ แล้วว่าอนิจจาความรัก        พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล

               ตั้งแต่จะไหลเชี่ยวเป็นเกลียวไป   ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา ”

                                       จากเรื่อง อิเหนา  พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2

 

รักแรกคือความทรงจำ  คือ “puppy love”  ซึ่งส่วนใหญ่ในชีวิตจริงผู้คนมักจะไม่ประสบความสำเร็จกับรักแรก  ไม่ว่าตอนจบจะจากกันด้วยดีหรือไม่ก็ตาม  แต่สิ่งดีๆ ที่เราได้รับจากรักครั้งนี้ก็คือ “ความทรงจำ” ที่ต่อไปจะเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักความรัก

        รักแรกคือความเจ็บปวด ใครที่ผ่านอาการอกหักมาแล้ว แต่ไม่ได้โกรธแค้นต่อกัน  เป็นรักธรรมดาที่จบลงไปท่ามกลางความสุขและความเศร้า มันก็คือ “ความเจ็บปวดแต่งดงาม” นั่นเอง

       เคยสงสัยไหมว่า ทำไมนะรักแรกของเราก็ผ่านมาเป็นสิบๆ ปี ยี่สิบปี สามสิบปีแล้ว หรือบางคนอาจจะมากกว่านี้เสียอีก แต่เรายังมีแวบๆ นึกถึงอยู่เสมอ มันยังคงอยู่ลึกๆ ในก้นบึ้งของหัวใจ …..ลองมาคิดหาคำตอบกันค่ะ

  รักครั้งแรกนั้น เขาหรือเธอคนนั้น คือคนในฝันเป็นคนที่ตรงใจ ตกหลุมรักได้ง่ายๆ เราจึงฝังใจ และคิดถึงเสมอ

           เรายังโสด เรายังเด็ก เมื่อมีความรักหัวใจก็ชุ่มฉ่ำทุ่มเทให้กับความรักในตอนนั้นจนหมดใจ ได้ร่วมทำอะไรด้วยกันเป็นครั้งแรก ดูหนังสองต่อสองครั้งแรก จับมือครั้งแรก นั่งมอเตอร์ไซด์หรือนั่งรถด้วยกันครั้งแรก หรือแม้แต่จุมพิตกันครั้งแรก  อะไรก็ตามที่เป็นครั้งแรกด้วยกันนี้เอง เป็นความทรงจำที่ยังอยู่ในใจ

           รักครั้งแรกหมายถึง “อกหัก” ครั้งแรก  เป็นความรักที่ไม่สมหวัง มันจึงทำให้เราได้สัมผัสกับการอกหักครั้งแรก

           ความทรงจำดีๆ ย่อมลบออกไปจากสมองได้ยาก รักในวัยใสเป็นความสดใส สดชื่น สวยงาม แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีความรักกันแบบนั้นแล้ว แต่ความทรงจำที่ดีๆ ร่วมกันของมนุษย์จะอยู่คู่กันไปกับเรา อาจจะดูไม่มีเหตุผลแต่มันก็เป็นเรื่องจริง เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รักครั้งแรกที่ดีงามจะคงอยู่ในใจเราเสมอ แม้ว่ามันจะอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจจนแทบจะลืมเลือนก็ตาม แต่ก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราหวนคิดถึงมันอีก ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือในอีกกี่สิบปีข้างหน้า เพราะรักแรกทำให้เราได้เรียนรู้รสชาติของความสุข การได้พบกับความเสียใจ ความผูกพัน และการจากลา

          เพราะฉะนั้น การผ่านการมีรักครั้งแรก จะทำให้เรามีความรักครั้งต่อไปตามมา อันเป็นความรักที่เลือกเอง ที่มีการคิดไตร่ตรองสติใช้ปัญญาเพิ่มขึ้น มุมมองที่มีเหตุผลมากขึ้น เป็นธรรมชาติ และเป็นธรรมดามากขึ้น ทำให้ชีวิตการครองคู่ เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบตามที่ควรจะเป็น 

ไม่ใช่เรื่องผิดหากเรายังเก็บความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับรักแรกไว้ หากเมื่อใดที่มีโอกาสได้กลับมาพบเจอคนที่เป็นรักแรกในชีวิตอีกครั้งหนึ่งโดยบังเอิญของวิถีชีวิต โดยที่ต่างคนต่างก็มีวิถีทางเดินชีวิตของตนที่ตนเองได้เลือกใช้ไปแล้ว ก็นับว่าเป็นวาสนาต่อกัน ที่ได้มีโอกาสมารับรู้เรื่องราวชีวิตกันหลังจากแยกย้ายกันไปเจริญเติบโต ก่อนที่จะจากลากันไปในภพชาตินี้ 

         แต่สิ่งที่สำคัญคือ อย่าปล่อยให้เรื่องราวในอดีตมาทำลายความรักในปัจจุบันของเรา   เพราะเปลวไฟที่สวยงาม ถ้าเราสัมผัส มันจะทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้ จงแอบมองดูความทรงจำที่ค้างอยู่ในก้นบึ้งหัวใจอย่างเงียบๆ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการปล่อยวาง ตรองไว้เสมอว่าความรักจากการนอกใจ ไม่ได้มีความสุขสำหรับใคร เมื่อมีครอบครัวของตัวเองที่บริบูรณ์แล้ว ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว จงควบคุมความต้องการของตัวเอง ซ่อนอารมณ์ ซ่อนความรู้สึกไม่สมปรารถนา ความสุขหรือเศร้าที่ผ่านมาเอาไว้ ให้มันกลายเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิต ความทรงจำดีๆ คือสิ่งสวยงาม แต่อย่าจ่อมจมกับเสี้ยวของความทรงจำจนลืมปัจจุบันขณะ
         เวลาของเราบนโลกมีเพียงสามวัน คือเมื่อวานที่ได้ใช้ไปแล้ว ย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วันนี้ขณะนี้ เรากำลังใช้อยู่  ดีหรือไม่ดีอย่างไรเราเท่านั้นที่รู้  พรุ่งนี้ ยังมาไม่ถึง อาจจะได้ใช้ หรือไม่ได้ใช้ก็ได้ เพื่อให้มีวันวานที่หมดจดพรุ่งนี้ที่สดใส ดังนั้นเราจึงควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เรื่องเล่าในเช้าวันหนึ่ง





          ฉันอุ้มลูกหมาน้อยเมี่ยงคำเพศผู้ วัยสองเดือนเจ็ดวันออกมาขับถ่ายเวลาเช้าตอนหกโมงพอดีที่ลานจอดรถหน้าระเบียงบ้านที่ยกพื้นขึ้นมาด้วยบันไดสามขั้น ขณะที่น้องหมากำลังดมๆ ตรวจตราสถานที่ตามธรรมชาติอยู่นั้น  พี่มูมู่แมวไทยแท้เพศเมียวัยห้าขวบของฉันก็ตามออกมานอกบ้านแต่นางด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงช่องลูกกรงเซรามิคของระเบียงบ้านอยู่           
“แผลว”
“ ปี๊บบบบบๆๆๆๆๆๆๆๆ”  
สองเสียงแทบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน  น้องเมี่ยงคำชะงัก หางจุกตูด หน้าตาตื่นวิ่งมาหาฉันที่นั่งรออยู่ตรงบันไดขั้นที่สอง  ฉันหันขวับไปทางเสียง ภาพตรงหน้าคือเจ้ามูมู่พุ่งหลาวตรงๆ จากระเบียงหน้าบ้าน ลงไปที่พุ่มกอไม้ของกระถางต้นไม้ริมรั้วบ้าน แล้วนางก็กำลังคาบนกกางเขนตัวเขื่องไว้ในปาก หันตัวกลับกระโดดขึ้นบนระเบียงบ้าน    
“มูมู่ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ”
ฉันตะโกนอย่างตกใจ ไม่อยากให้มู่ทำบาป ไม่อยากเห็นเลือด ไม่อยากเก็บซากนก ขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปขัดขวางนางอย่างเต็มที่ ในเวลา ณ ขณะเดียวกันนั้น
“แก๊กกกกๆๆๆ ปี๊ปปปๆๆๆ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ที่มาของเสียงจากระเบียงหน้าบ้าน ช่างเป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ใจ เพราะเกิดมาฉันพึ่งเห็นจากสายตาตัวเองจริงๆ
ฉันเห็นนกกางเขนตัวเขื่องหนึ่งตัว ตามติดด้วยนกกระจอกอีกหนึ่งตัว บินตามกันมาในระยะใกล้ชิด เหนือระเบียงบ้านฉันเล็กน้อยไม่สูงนัก ทั้งสองตัวมองต่ำลงมาที่ระเบียงบ้านฉัน  มันคงเห็นเพื่อนนกกางเขนในปากของเจ้ามูมู่  ทั้งสองเปล่งเสียงแปลกประหลาดหูมาก สมองฉันแปลความหมายทันทีว่าเป็นความตกใจ เป็นการแจ้งภัย เป็นการขอความช่วยเหลือ  
ทั้งภาพและเสียงเข้าสู่สายตาและสมองฉันเป็นฉากๆ อย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังนั่งชมภาพยนตร์สัตว์โลกอยู่ทีเดียว   มูมู่เห็นฉันวิ่งปราดมา พร้อมเสียงคำสั่งอันไม่เบาเลย นางคงตกใจหรือเผลอตัวอ้าปาก ทำให้นกกางเขนตัวเขื่องในปากของนางบินหลุดออกจากปาก บินถลาพุ่งกลับคืนไปที่พุ่มไม้ทันที
          ฉันรู้สึกโล่งอกโปร่งสบายอย่างบอกไม่ถูก เจ้ามูมู่ทำหน้าตื่นๆ แต่นางก็ไม่ได้ตามกลับลงไปหานกที่หลุดปากไป ส่วนนกโชคร้าย (โชคดี) ตัวนั้นฉันก็ไม่ทันสังเกตว่าบินไปไหนต่อแล้ว เพราะมัวแต่พะวงกับน้องเมี่ยงคำ กลัวว่าน้องจะเห็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายหรือไม่ แต่น้องกลับบ้องแบ๊ว คงไม่เห็นอะไรเพราะมีขั้นบันไดบังอยู่
สักชั่วอึดใจ เหตุการณ์ต่อเนื่องจากฉากนั้นคือเสียงแปลกประหลาดที่ไม่เหมือนที่เคยได้ยิน เป็นเสียงนกต่างๆ มากมายเหนือบริเวณหน้าบ้านฉันส่งเสียงร้องไปทั่วบริเวณ ฟังแล้วเหมือนเสียงตะโกนคุยกันเพื่อบอกภัย หรือเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟังด้วยภาษาของพวกเขานั่นเอง…….
          เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสามนาที แต่มันช่างประทับใจ ประหลาดใจสำหรับฉันมาก มันเป็นเรื่องจริงๆ ที่ฉันได้เห็นเป็นฉากๆ และทำให้ได้คิดว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ย่อมจะมีสังคมของตน มีหน้าที่ของตน และดำเนินชีวิตทุกวันๆ ของตนไป ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นล่วงหน้าเลย  ธรรมชาติย่อมยิ่งใหญ่กว่าสิ่งมีชีวิตเสมอ  





วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ดอกแก้ว



          แก้วหอมหวนอวลอบตลบฟุ้ง
กลิ่นจรุงย่ำค่ำจนฟ้าสาง
จันทร์ลาลับเป็นอรุณเมื่อรุ่งราง
ยังไม่จางกรุ่นแก้วในดวงใจ
ดอกเล็กเล็กขาวนวลชวนให้ชื่น
ฤดีรื่นคืนจิตให้ผ่องใส
หอมเกินหาอันใดมาเปรียบได้
ยิ้มละไมสุขอารมณ์ชมแก้วเอย
                                                  23 พ.ค.2562







วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ธุดงค์13-16 ธันวาคม61

ธุดงค์ดอยแดนดินอินทนนท์                 บรรลุผลได้การคิดจิตสุขสม
ก้าวต่อก้าวย่างไปน่าชื่นชม                 อภิรมย์อิ่มเอิบเก็บพุทโธ
จะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรได้พักจิต          มุ่งพิชิตความอดทนละโทโส
ร่วมเดินทางกลางไพรแสนใหญ่โต       มีธัมโมในใจได้พึ่งพา
กินอาหารชามเดียวรวมทุกรส             ไม่ปรากฏความหิวมาเรียกหา
แต่เบากายสบายใจเกิดปัญญา          อาบน้ำท่าเย็นเยียบไม่เป็นไร
เสียงสวดมนต์พร้อมกันดังลั่นป่า         ถึงเวลาสมาธิพิสุทธิ์ใส
ได้ขัดเกลากิเสสลึกลงไป                      รู้จักใช้เวลาศึกษาตน
พระอาจารย์หลวงพ่อผู้ยิ่งใหญ่           กำหนดให้มีหลักสูตรน่าฉงน
ศิษย์ขอกราบวันทาใส่กมล                  จะเป็นคนที่ดีตลอดไป
ขอสะสมพลังจิตเพื่อชีวิต                      ต่อมวลมิตรสันติสุขโลกสดใส
จะสานงานหลวงพ่อให้เกรียงไกร        อยู่รับใช้พุทธศาสน์ชาตินี้เอย